ต้มยำกุ้งน้ำข้น สุดอร่อย


   เชื่อได้ว่าเกือบจะทุกคน จะต้องเคยลองชิมต้มยำกันมาบ้างแล้ว ซึ่งต้มยำ เป็นการเป็นการปรุงอาหารของเมืองไทย จะเป็นประเภทน้ำแกง และจะขาดเครื่องเทศไม่ได้เลยคือ ข่า, ตะไคร้, ใบมะกรูด, พริกขี้หนู, น้ำมะนาว

   ต้มยำสามารถทำได้หลายชนิดมีทั้งต้มยำปลา, ต้มยำเห็ด, ต้มยำไก่, และต้มยำกุ้ง ในต่างประเทศนั่นก็มีร้านอาหารไทย ฝรั่งก็นิยมเข้าไปรับประทานกัน ซึ่งสำหรับ "ต้มยำกุ้ง" เป็นอาหารไทยที่โด่งดังเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ทั้งถูกใจในแง่ของความอร่อย และผสมสมุนไพรต่างๆ ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย มีกลิ่นหอม รสชาติถูกปาก ซึ่งส่วนผสมมีดังนี้


ส่วนผสม
- กุ้งแม่น้ำ 300 กรัม
- เห็ดฟาง 100 กรัม
- ตะไคร้หั่นเฉียง 1 ต้น
- ข่าหั่นแว่น 3 แว่น- น้ำสต๊อก 5 ถ้วยตวง
- น้ำปลา 4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
- ใบมะกรูดฉีก 2 ใบ
- ผักชีสำหรับโรยหน้า
- พริกขี้หนูสดบุบพอแตก 5 เม็ด (สามารถปรับลดความเผ็ดได้นะครับ)


วิธีทำ
1. ตั้งน้ำสต๊อกให้เดือด ใส่ข่า ตะไคร้
2. พอเดือดแล้ว ใส่กุ้ง เห็ดฟางใบมะกรูด ปรุงรสด้วยน้ำปลา
3. เดือดอีกครั้งยกลง ใส่น้ำมะนาว พริกขี้หนู
4. ตักใส่ชาม โรยหน้าด้วยผักชี



ข้อเสนอแนะในการทำ
1. ต้มยำกุ้งตำรับดั้งเดิมจะเป็นน้ำใส สำหรับท่านที่ต้องการทำให้เป็นต้มยำกุ้งน้ำข้น ให้เติมนมสดหรือน้ำกะทิก่อนยกลง เพื่อให้ได้น้ำต้มยำรสเข้มข้นและมีรสมันขึ้น หลังจากเติมนมสดหรือน้ำกะทิไปแล้วสามารถต้มต่อได้อีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อย่าให้นานมากเพราะจะทำให้เกิดการแยกตัวกัน ดูไม่สวยงาม
2. สำหรับต้มยำน้ำข้นนิยมใส่น้ำพริกเผาหรือพริกขี้หนูแห้งทอด เพื่อให้มีสีสันสวยงาม
3. สามารถนำเปลือกกุ้ง หัวกุ้งมาต้มเป็นน้ำสต๊อกได้ โดยการต้มเปลือกกุ้งกับตระไคร้ ข่า ใบมะกรูด ประมาณ 15 นาที จากนั้นกรองเอาแต่น้ำมาใช้
4. ถ้ากุ้งมีขนาดเล็กให้ใส่เห็ดก่อนกุ้ง เพื่อคงความเด้งของกุ้งไว้ จะได้ไม่เหนียวหรือแข็งเวลาทาน
5. ควรรอให้น้ำเดือดก่อนใส่กุ้ง และอย่าคนเพราะจะทำให้คาว
6. การรีดมันกุ้งออกมาเคี่ยวต่างหากแล้วจึงใส่ในน้ำต้มยำจะทำให้มีกลิ่นคาว
7. การใส่รากผักชีทุบพอแตกในน้ำแกง จะทำให้ต้มยำมีกลิ่นหอมขึ้น
8. ถ้าชอบเผ็ดมาก ให้ใส่พริกขี้หนูก่อนปิดไฟสัก 5 นาที
9. ถ้าชอบรับประทานแบบก๋วยเตี๋ยว สามารถหาวุ้นเส้นนำมาใส่เพิ่ม เป็น "ก๋วยเตี๋ยวต้มยำกุ้ง" ได้ ซึ่งจะได้รสชาติเส้นหมี่ไปอีกแบบหนึ่ง



0 comments:

Post a Comment